วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

Impact of Lehman bankruptcy in Thailand




Impact of Lehman bankruptcy on Bangkok commercial real estate market?

By Jon Fernquest

Lehman Brothers, which filed for bankruptcy on Monday in the largest bankruptcy case in American history, is also one of the largest owners of commercial real estate in Bangkok (holder of commercial space) .
Lehman Brothers owns around 50 billion baht of the highest quality property, hotels and offices in Thailand. Office space holdings alone amount to around 100,000 square metres in well-known buildings such as the Italian-Thai Building, Pacific Place on Sukhumvit Road, the Mercury Tower and the Muang Thai Phatra Building.
Lehman Brothers has also provided financing for several property developers in Thailand listed on the Thai stock exchange including Raimon Land Plc, Grande Asset Hotels and Property, and Ascon Construction. Lehman reportedly as outstanding commitments of 10 billion baht to three listed companies.
Raimon land, for one, has claimed that Lehman bankruptcy has not had any impact on its business operations. Lehman owns 7.5% of Ascon Construction that other shareholders are now interested in repurchasing. Loans from Lehman for the firm's Dubai project were under consideration but never made, so there is no problem there.
Who will purchase Lehman's Thai real estate holdings and for how much?
The big question is who would buy Lehman's massive real estate holdings when the firms assets are liquidated during bankruptcy proceedings?
Foreign investors may not be in a position to purchase these properties due to a combination of laws and a current environment of investor caution. The Bank of Thailand (BOT) restricts investment by foreign commercial banks in Thailand. Prices might drop a little by 20% to 30% below market value if a forced sale under bankruptcy proceedings was required.
All told, Thai banks have 4.3 billion baht of exposure to Lehman Brothers in the form of loans or bonds. The Bank of Thailand (BOT) is monitoring the situation closely.
(Source: Bangkok Post, POST REPORTERS, 17-09-09)
Posted by Jon Fernquest at 06:00 AM
http://www.readbangkokpost.com/

เหตุการณ์ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในสหรัฐอเมริกาล้มละลาย ทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นธนาคารที่มั่นคงสูงมาก จากเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่มากที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกเลยนะคะ สะท้อนให้เห็นถึงตลาดทั่วโลกในยุคข้าวยากหมากแพงในปัจจุบัน ปัญหาเรื่องนี้ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเราอีกด้วย โอ้! น้ำมันก็แพง ข้าวก็แพง แล้วยังธนาคารล้มละลายอีกแห่ง จะทำยังไงดีล่ะคะที่นี้ ดิฉันคิดว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดทุกยุคทุกสมัยที่เราสามารถใช้ได้ตลอดก็คือ แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือในหลวงของเรานั่นเองค่ะ รู้อย่างนี้แล้วเรามาช่วยกันประหยัด อดออมตั้งแต่วันนี้เลย จะได้ไม่มีปัญหาในภายภาคหน้ากันดีกว่านะคะ

จากเหตุการณ์นี้ คุณมีความคิดเห็นอย่างไร?
ท่านสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นกับเราได้ที่นี้นะคะ มาช่วยโลกของเราในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่กันเถอะ
ทางเรายินดีรับฟังทุกความเห็น
และขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นของคุณมาล่วงหน้านะคะ ^^

From this worse situation, what do you think?

You can join us by sharing an opinion for helping our world in the worse economy system nowadays.
We are glad to hear your voice.

And thank you for every comments again.^^



6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ27 กันยายน 2551 เวลา 00:44

    เศรษฐกิจหนอเศรษฐกิจ

    พูดได้คำเดียวเลยว่า แย่ได้อีก!

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ29 กันยายน 2551 เวลา 06:32

    ช่ายๆเห็นด้วยกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงที่บอกมานะ

    พออยู่ พอกิน พอใช้ ก็จะมีชีวิตอย่างสงบสุขอย่างง่ายๆ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ29 กันยายน 2551 เวลา 06:39

    it is as same as Tom Yum Koong crisis again!

    Be careful....

    Save our money as much as you can and you will save as well.

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ29 กันยายน 2551 เวลา 06:48

    โอยไม่ไหวนะ แค่นี้ยังตกต่ำ่ไม่พออีกเหรอ

    น้ำมันก็แพง ข้าวก็แพง ทุกวันนี้เพิ่มตั้งจานละ 5 บาทและ น้ำมันก็ขึ้นๆลงๆ

    แต่ที่ได้มานะ เงินเดือนพี่ก็ยังเท่าเดิมอยู่เลย

    ค่ากิน ค่ารถ ก้อเพิ่มเกือบเท่าตัว

    จาให้ขุดตอไม้กินหรอไง เหอๆๆ

    นี่ขนาดเมกา เศรษฐกิจดีอย่างนี้ แบงค์ยังล่ม แล้วจาเอาไงก่าพี่ไทยค๊า

    วอนทุกฝ่ายช่วยๆกันหน่อยเถอะ

    รึว่าพี่จากลับไปที่บ้านทำนาผสมผสานตามปรัชญาเศรษฐกิจ
    พอเพียงไปเลย ก็ดีเหมือนกันนะ ปลูกข้าวเองกินเอง

    อย่างน้อยก้อไม่อดตายล่ะ จิงป่ะ

    อยู่กรุงเทพไม่ไหวละ จาตายเอา ค่อยๆเข้าเนื้อน่ะทุกวันนี้

    ปายละๆไอ่น้องเอ้ย ไปปลูกข้าวทำนากันดีกว่าป่ะๆๆ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ5 ตุลาคม 2551 เวลา 19:10

    Tom Yum Koong Crisis 2nd time

    ไงล่ะว่าแต่ไทยเรา เศรษฐกิจมันแย่มันก็กระทบไปทั่วโลกนั่นแหล่ะ
    แทนที่จาโทษกันไปโทษกันมา สู้มาช่วยแก้ปัญหานี้ดีกว่ามั้ย
    ประหยัด อดออมบ้างดิ จาได้ไม่อดตายทีหลังไง

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ6 ตุลาคม 2551 เวลา 22:32

    ไทยเราโชคดีที่มีในหลวงที่ทรงห่วงใยพสกนิกรไทยทั่วหล้า

    มีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กัน ประกอบกับเป็นสังคมเกษตรกรรมเลยมีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์

    ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว

    แต่ทุกวันนี้คนไทยเราก็พยายามจะตะเกียกตะกายดิ้นรนชีวิตของตนเองเข้าไปในเมือง และมองอาชีพชาวนาว่าต่ำต้อย แต่หารู้ไม่ว่าอาชีพนี้เลี้ยงปากท้องของคนไทยมาช้านาน

    ขอให้กำลังใจเกษตรกรไทยทุกท่านนะคะ จงภูมิใจไว้เถอะค่ะว่า ถ้าำไม่มีท่านเราคงอดตายกันไปหมดแล้ว ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติจริงๆค่ะ

    แล้วถ้าอีกหน่อยบ้านเมืองเรามีแต่โรงงานอุตสาหกรรม แล้วปล่อยที่นาให้ตายรกร้าง เราก็คงประสบปัญหายิ่งกว่าทุกวันนี้แน่นอนค่ะ

    ช่วยกันเถอะค่ะพี่น้อง เศรษฐกิจพอเพียง พออยู่ พอกิน พอใช้ มีความสุข จะเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมใช่ไหมคะ

    ในหลวงคะ ขอให้พระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    รักในหลวงมากค่ะ Long Live The King!!

    ตอบลบ